วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2561

5 สถานที่เที่ยวในประเทศพม่าที่คุณต้องไป ไม่ใช่แค่การไปไหว้พระ อัพเดท 2018

ถ้าหากเอ๋ยถึง ประเทศพม่า เพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากประเทศไทย ส่วนใหญ่คนไม่ใช่น้อยมักนึกถึงการไปไหว้พระเท่านั้น แต่ความเป็นจริงเมียนมาร์ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าดึงดูดหลายสไตล์ ที่มีคุณค่าแก่การไปสัมผัสสักครั้ง วันนี้เราสะสม 5 สถานที่เที่ยวเมียนมาร์ นอกเหนือจากการไหว้พระ มาให้ทุกคนรู้จัก จะมีที่แห่งใดบ้างนั้น มาดูกันเลย

1. เมืองพม่า ทะเลเจดีย์แล้วก็วิถีชีวิตแบบประเทศพม่าๆ
นับว่าเป็นโชคดีของชาวประเทศพม่า ที่ศาสนาพุทธรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดเหมือนกันในเวลานั้น ทำให้พระเจ้าอโนรธามังช่อรับเอาศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำประเทศ พระองค์สร้างเจดีย์แห่งแรกขึ้น ชื่อ “เจดีย์ชเวซีโกน” แล้วต่อจากนั้นกษัตริย์รุ่นต่อๆมา รวมทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แล้วก็ผู้มีอันจะกินทั้งหลายแหล่ในพูกามก็ระดมสร้างวัด สร้างเจดีย์กันเต็มพื้นที่ไปหมด คงจะเพราะความเลื่อมใสที่ว่า ยิ่งเล่นใหญ่ เอ๊ย!! ยิ่งสร้างวัดใหญ่มโหฬารเพียงใด ยิ่งได้บุญกุศลบารมีมากแค่นั้น

อาณาจักรพุกามเคยเจริญแค่ไหนพวกเราคงไม่ต้องเล่า เนื่องจากว่าเกือบ 1,000 ปีที่ผ่านมาทุกอย่างได้พิสูจน์ตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว ตัวเราต่างหากที่ต้องมาพิสูจน์ความโหฬารนั้นด้วยตาของเราเอง จากเจดีย์กว่า 4,446 องค์ วันนี้เหลือเพียงแค่ 2,200 กว่าองค์ ไม่รีบมาดูซะวันนี้ก็ไม่ทราบว่าอีกหน่อยจะเหลือให้มองขนาดไหน

2. ตะลุยสวนน้ำ Yangon Water Boom
ถ้าหากโลกนี้มันร้อนนัก ก็ไปพักผ่อนเล่นน้ำกันที่สวนน้ำ Yangon Water Boom กันเลยดีกว่า! สถานที่เที่ยวในเมียนมาร์ อีกแห่งที่ต้องการชวนคุณมาคลายร้อน โดยสวนน้ำ Yangon Water Boom ถือเป็นสวนน้ำแห่งแรกของพม่า ตั้งอยู่ในเมืองปิ้งกุ้ง ตรงนี้คุณจะได้พบกับสไลด์เดอร์สุดแจ๋วระดับโลก ทั้ง “Free Fall Slides” หวาดเสียวกับสไลด์เดอร์ที่มีความสูงถึง 15 เมตร! ให้คุณไหลลื่นลงมาด้วยความเร็วกว่า 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง เรียกว่าเสียวกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว หรือจะเป็น “Python” ให้คุณรวมทั้งเพื่อนฝูงๆนั่งสไลด์เดอร์ไปสนุกสนานร่วมกัน ผ่านท่อสีเขียวที่คดเคี้ยว ยาวกว่า 60 เมตร! นอกนั้นยังมีโซนสำหรับหนูน้อยอย่าง “Kiddy pool” สนามเด็กเล่นที่ให้น้องๆได้ชุ่มฉ่ำกับสายน้ำเย็น พร้อมบริการเครื่องอำนวยความสะดวกอีกทั้งล็อกเกอร์ บังกะโล ซาลอน ร้านอาหาร ร้านขายของของที่ระลึก อย่างพร้อม หนีร้อนไปสนุกสนานกับสวนน้ำในย่างกุ้งกันดีกว่า

3. ท่องเที่ยวสะพานอูเบ็ง สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในโลก!
สะพานไม้เก่าแก่ ที่มีอายุกว่า 200 ปี ทอดยาวด้วยความยาว 1,200 เมตร ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน สร้างด้วยไม้ปริมาณพันกว่าต้น เราสามารถเดินดูสะพานไม้ไปเรื่อยได้ รวมทั้งยิ่งในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตกลงน้ำ(ดิน) บรรยากาศบริเวณบริเวณสะพาน จะมองเห็นได้ว่าแสงพระอาทิตย์แวววาวกับสายน้ำ นอกเหนือจากที่จะได้ชมความงดงามของพระอาทิตย์ขึ้นและก็ตกแล้ว ยังได้เห็นวิถีชีวิตของคนเมียนมาด้วย เป็นประสบการณ์ที่สุดตรึงใจตรึงตากันเลยทีเดียว

ของร้านขายเครื่องดื่ม ขายของกินบนเกาะ ชมดวงตะวันตกในทะเลสาบ แถมมีปลารวมทั้งกุ้งใหม่ๆจากทะเลสาบ ให้ได้ลิ้มชิมรส นั่งพักผ่อนสบายๆแล้วคอยดูพระอาทิตย์ตกได้อีกด้วย วิธีสุดท้ายเป็นแนวทางที่เสียตังต่ำที่สุดเป็นสามารถยืนชมทิวทัศน์บนสะพานได้เลย ได้สัมผัสบรรยากาศไปอีกคนละแบบจ้า

4. ทะเลสาบอินเล ทะเลสาบน้ำจืด และก็วิถีชีวิตคนอินเล
ทะเลสาบอินเล ตั้งอยู่กึ่งกลางประเทศพม่าเลยก็ว่าได้ ทะเลสาบอินเลอยู่ในเมือง Nyaung Shwe เมืองเล็กๆที่ชาวบ้านดำรงชีวิตท่ามกลางทะลสาบ .. หื้มมม? คือราษฎรเค้าสร้างบ้านและก็อยู่อาศัยกันในทะเลสาบเลยมึงรเอ้ยยย ต่อไปนี้เนี่ย แน่ๆการดำเนินชีวิตแล้วก็การเพาะปลูกหรือทำการเกษตรของเค้าต้องเกี่ยวกับทางน้ำ เช่น การปลูกมะเขือเทศบนสวนลอยน้ำ การสร้างบ้านแบบเสาค้ำกลางน้ำ รวมถึงยานพาหนะจำเป็นอย่างเรือ ที่แน่ๆมีหยุดอยู่ทุกบ้าน แล้วที่สุดของทะเลสาบอินเลเป็นพรสวรรค์ของชาวอินคาเนี่ยล่ะ การพายเรือด้วยเท้าด้านเดียวสำหรับการสัญจรรวมถึงจับสัตว์ในน้ำที่ไม่มีใครเหมือนในโลก ดังมากโว้ย ดังจนถึงที่นี่เป็นอีกจุดหมายนึงที่นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องมาดูเลยล่ะ ทราบแบบนี้แล้วตามไปเลยสิจ้าา


5. สัมผัสเกาะหัวใจมรกต ที่ทะเลเมียนมาร์.
เกาะค๊อกคอม เกาะหัวใจมรกต (Cocks Comb) เป็นเกาะที่อยู่ในสมุทรอันดามัน ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งจังหวัดระนองเพียงประมาณ 81.2 กิโลเพียงแค่นั้น เกาะที่นี้มีลักษณะเป็นเกาะหินปูน ไม่มีชายทะเล มีช่องว่างอยู่กลางเกาะ คล้ายกับปากปล่องภูเขาไฟ มีช่องเล็กๆให้น้ำทะเลเข้าไปได้ แม้ดูจากมุมสูงจะเห็นว่าช่องตรงกลางนี้มีรูปร่างคล้ายกับรูปหัวใจ เมื่อมีน้ำสมุทรสีฟ้าอมเขียวใสแจ๋วเข้าไปในนั้น ผนวกกับรอบๆรอบปากปล่องมีต้นไม้สีเขียวขจี ทำให้รูปร่างหัวใจนี้มองเห็นกระจ่าง จนได้รับการขนานนามจากคนประเทศไทยว่าเป็น “เกาะหัวใจมรกต” ซึ่งคนต่างชาติจะรู้จักกันในนาม “Hidden Lagoon”


มองเห็นไหมล่ะว่า การไปเที่ยวเมียนมาร์ ก็มิได้มีแม้กระนั้นการไปไหว้พระ หรือ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สิ่งเดียวแค่นั้น พม่ายังมีแหล่งธรรมชาติงามๆอีกเยอะมาก โดนใจคนถูกใจเที่ยวชิลล์ๆสไตล์สโลว์ไลฟ์ ถ้าได้โอกาสทดลองไปเปิดมุมมองใหม่ให้การท่องเที่ยวเมียนมาร์กว้างขึ้นกว่าเดิม

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ทัวร์พม่า

5 สถานที่เที่ยวในประเทศเกาหลีใต้ ที่คุณห้ามพลาดเด็ดขาด อัพเดท 2018

เกาหลีใต้เป็นอีกหนึ่งประเทศที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว เนื่องจากว่าใช้เวลาเดินทางไม่นานแค่เพียง 5-6 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว และยังเป็นประเทศไม่ต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวอีกด้วย ถ้าจะเอ่ยถึงสถานที่เที่ยวในเกาหลีนั้นจริงๆแล้วมีจำนวนมากหลายที่ เพราะฉะนั้นคนไหนกันกำลังแพลุกลนท่องเที่ยวหรือกำลังตกลงใจว่าจะท่องเที่ยวประเทศไหนดี ลองตามมามอง 15 สถานที่เที่ยวห้ามพลาดในประเทศเกาหลี แล้วต้องต้องการท่องเที่ยวแน่นอน


1. พระราชสำนักเคียงบกกุง Gyeongbokgung Palace
พระราชวังเคียงบกกุง (Gyeongbokgung Palace) หรือเรียกอีกแบบหนึ่งว่า “วังคยองบกกุง” เป็นทั้งสัญญลักษณ์แล้วก็สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของกรุงโซล พระราชสำนักที่มีขนาดใหญ่รวมทั้งโบราณที่สุดในกรุงโซล ผลิตขึ้นในปี 1394 ในยุคพระผู้เป็นเจ้าแทโจ ราชวงศ์โชซอน แต่เดิมนั้นข้างในวังมีอาคารรวมทั้งวังต่างๆมากกว่า 200 ข้างหลัง แม้กระนั้นเมื่อมีการรุกรานของญี่ปุ่น อาคารส่วนใหญ่ก็ได้ถูกทำลายลงคงเหลือเพียงแต่ 10 ข้างหลังเพียงแค่นั้น

2. เกาะนามิ สุดโรแมนว่ากล่าวค Namiseom Island
เกาะนามิมีต้นเหตุจากผลการกั้นน้ำเพื่อสร้างเขื่อน มีพื้นที่โดยประมาณ 270 ไร่ มีลักษณะเป็นรูปดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยว บนเกาะนี้มีชื่อเสียงในหมู่คนประเทศเกาหลีมานานเนื่องจากว่ามีธรรมชาติที่งดงามยังมีสัตว์เล็กๆอาศัยอยู่ตามธรรมชาติได้แก่ กระรอก กระแต นก หงส์ ห่าน รวมทั้งนกกระจอกเทศด้วย และก็ที่นี่จะนำสายไฟลงใต้ดินทั้งหมดทั้งปวง เพียงแค่รักษาความเที่ยงธรรมชาติเอาไว้ โดยขณะที่มีนักท่องเที่ยวมามากที่สุดจะเป็นตอนๆฤดูใบไม้ร่วง เพราะว่าต้นไม้เยอะแยะตรงนี้จะเปลี่ยนสีเหลือง สีแดง สีส้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟุตบาทใต้ต้นแปะก๊วยที่จะเปลี่ยนใบเป็นสีเหลืองสดสวยมากมาย แต่ตรงนี้คนจะเยอะแยะตลอดทุกฤดู

3. ทางรถไฟดอกซากุระคยองฮวา – Gyeonghwa Station
รางรถไฟดอกซากุระคยองฮวา – Gyeonghwa Station เป็นหนึ่งในจุดชมซากุระที่งามอันดับต้นๆของเกาหลีเลยก็ว่าได้ โดยสามารถแลเห็นรถไฟที่วิ่งมาจอดที่สถานีพร้อมทั้งวิวอุโมงค์ดอกซากุระที่เรียงรายกันอยู่เต็มทั้งสองข้างทางในตอนราวต้นเดือนเมษายน สถานีรถไฟคยองฮวาแห่งนี้เป็นสถานีเล็กๆที่อยู่ที่เมืองจินแฮ (Jinhae) จังหวัดเคียงซังนัมโด (Gyeongsangnam-do) ได้มีการยกเลิกการใช้งานไปแล้วตั้งแต่ปี 2015 แต่ว่าจะเปิดให้รถไฟวิ่งเฉพาะในตอนเทศกาล Jinhae Gunhangje Festival ซึ่งเป็นเทศกาลชมดอกซากุระที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ของเมืองจินแฮ แม้กระนั้นรถไฟนั้นจะมิได้มาจอดที่สถานี เพียงแต่ใช้เป็นทางผ่านไปยังสถานีอื่นๆ

4. อุโมงค์ซากุระ ลำคลองยอชวาชอน – Yeojwacheon Stream
อุโมงค์ซากุระ คลองยอชวาชอน – Yeojwacheon Stream ยอดเยี่ยมในจุดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดสำหรับในการดูดอกซากะของเมืองจินแฮ เริ่มเป็นที่รู้จักกันภายหลังซีรีย์เรื่อง Romance ถ่ายทอดเมื่อปี 2002 ซึ่งใช้คลองแห่งนี้เป็นฉากสำหรับการถ่ายทำ โด่งดังจนมีชื่อเรียกสะพานที่ใช้ผ่านคลองตามชื่อซีรีย์นั่นก็คือ Ramance Bridge

ในทุกๆเดือนเมษายนของทุกปีซึ่งเป็นช่วงๆที่มีเทศกาลดูดอกซากุระ ที่คลองที่นี้จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาชมความงดงามของดอกซากุระ สามารถเดินเล่นได้ด้านบนสะพานและข้างล่างซึ่งจะมีทางเท้ายาวตลอดแนวเรียบไปกับคลองน้ำ และยังมีดอกเรปซีดซึ่งเป็นดอกไม้ต้นเล็กมีดอกสีเหลืองบานพร้อมกันซากุระอีกด้วย แต่ละปีก็จะมีการตกแต่งตกแต่งรอบๆคลองในช่วงที่จัดงานเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นการนำร่มที่สีสันแจ่มใสมาห้อยไว้หรือจะเป็นโคมรูปหัวใจสวยๆและในช่วงช่วงกลางคืนก็จะเปิดไฟแต่งแต้มงดงามมากมาย


5. บริเวณช้อปปิ้งเมียงมองป่า หรือ มยองป่า
ย่านช้อปปิ้งเมียงป่า หรือ มยองป่า (Myeong-dong) ตั้งอยู่ศูนย์กลางกรุงโซล เป็นเขตช้อปปิ้งที่ฮิตแล้วก็คักคักที่สุดของกรุงโซล ล่อใจนักเดินทางได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อวัน ทั้งยังยังสามารถเดินทางได้สะดวก นับว่าเป็นศูนย์กลางของการบ้านการเมือง เศรษฐกิจ แล้วก็วัฒนธรรมเลยทีเดียว ข้างในตลาดเมียงดงเต็มไปด้วยร้านขายของ และห้องอาหารนับไม่ถ้วน เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตของนักท่องเที่ยวแล้วก็นักช้อป

ห้างสรรพสินค้า
ห้างที่ใหญ่ที่สุด ตัวอย่างเช่น ห้างลอตเต้(Lotte) กับห้างชินเซเอ็ง(Shinsegae) ส่วนร้านรวงอื่นๆก็ตั้งอยู่ทุกซอกมุม รวมถึงร้านหาบเร่ข้างถนนที่ขายเสื้อผ้า เครื่องเพชรพลอย เครื่องแต่งตัว ผลิตภัณฑ์อื่นๆในราคาถูก รวมทั้งอาหารว่างแสนอร่อย โดยเถ้าแก่ส่วนใหญ่สามารถพูดภาษาอังกฤษ ประเทศญี่ปุ่น จีน และก็ไทยได้


เป็นไงบ้าง 5 สถานที่เด็ดไหม สามารถติดตามชมการจัดสถานที่เที่ยวในเกาหลีใต้ ซึ่งมีอีกเยอะแยะจริงๆประเทศนี้เที่ยวอย่างไรก็ไปไม่หมดง่ายๆหวังว่าสหายๆอาจจะชอบ และก็ติดตามบทความของพวกเรา ผู้ใดชอบใจได้โปรดกรุณาแชร์ให้สหายๆได้อ่านกันด้วยนะ แล้วพบกันตอนใหม่

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ทัวร์เกาหลี

5 สุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวในเวียดนามที่คุณจะต้องไป อัพเดท 2018

เมื่อเอ่ยถึงเวียดนามใครๆก็ชอบคิดถึง โฮจิมินห์ เมืองหลวงทางตอนใต้ แต่รู้ไหมมีสถานที่เที่ยวใหม่ๆน่าสนใจอีกเพียบเลยในเวียดนามที่ในตอนนี้กำลังเป็นกระแสอย่างมากๆที่คุณไปเวียดนามจำต้องไม่พลาด พวกเรามาอัพเดทกันวันท่องเที่ยวเวียดนามทั้งทีจำต้องสุดๆ5 สถานที่ที่แห่งไหนกันบ้าง เริ่มกันเลย

1. ท่องเที่ยวบาน่าฮิลล์ ดานัง (Bana Hill, Danang)
บานาฮิลล์ เป็น โรงแรม บนยอดเขา อยู่ห่างจากเมืองดานังราว 40 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 40-50 นาที ส่วนประวัติความเป็นมา เทือกเขาบานา เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวตากอากาศมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยด้านบนเป็นบ้านพักและก็โฮเต็ลของชาวฝรั่งเศสสมัยเป็นเจ้าอาณานิคมตั้งแต่ปี 1919 หลังการสู้รบชาวฝรั่งเศสแพ้กลับประเทศไป บานาฮิลล์ถูกทิ้งร้างอยู่หลายปี จนกว่าถูกกลับมาซ่อมเป็นเมืองท่องเที่ยวอีกรอบในปี 2009 ซึ่งมีการสร้างตะกร้าลอยฟ้า 5,801 เมตร ที่ใช้เวลาถึง 50 นาทีสำหรับเพื่อการนั่งกระเช้าจากข้างล่างขึ้นไปข้างบน ค่าใช้จ่ายสำหรับในการก่อสร้างเคเบิลคาร์ขั้นแรกมีมูลค่า 17.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และช่วงที่สร้างต่อเพิ่มไปถึงยอดดอย มีมูลค่า 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ทั้งนี้ บานาฮิลล์ ถูกผลิตขึ้นตามมาตรฐานยุโรปโดยบริษัทที่เป็นที่รู้จักจากออสเตรเลีย เครื่องไม้เครื่องมือและก็เครื่องจักรนำเข้าจากยุโรป ตลอดทางประกอบไปด้วยเสา 24 ต้น มีทั้งสิ้น 94 เคบิน ตะกร้ามีทั้งแบบเปิดเตียนโอเพ่นแอร์กับแบบห้องกระจก แต่ละเคบินบรรทุกผู้โดยสารได้ 10 คน ภายในหนึ่งชั่วโมงสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 1,500 คน

2.ท่องเที่ยวถ้ำฟองญา (Phong Nha Caves)
เวียดนาม เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีสถานที่สำหรับท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดที่มีนานาประการ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์ หรือแม้กระทั่งสถานที่สำหรับท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความสวยงามแล้วก็น่ามาเยี่ยมมากแห่งหนึ่งของโลก แล้วก็วันนี้เราจะขอเสนอแนะสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอีกทั้งความสวยสดงดงาม แล้วก็ความตรึงใจ

โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังของอุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่างหมายถึงถ้ำฟองญา (Phong Nha Cave) ฯลฯเกิดของแม่น้ำชอน (Son River) ที่สะสมน้ำจากใต้ดินไหลรวมกันมาจากข้างในถ้ำ และได้รับการยอมรับจาก นักตรวจสอบถ้ำทั่วทั้งโลกว่า เป็นถ้ำอันดับหนึ่งของโลก เนื่องมาจากเป็นเจ้าของสถิติถึง 4 รายการอย่างเช่น น้ำลอดยาวที่สุดในโลก, โถงถ้ำเยอะที่สุด ยาวที่สุด และก็กว้างที่สุด

"อุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่าง" (Phong Nha-Ke Bang National Park) คืออีกหนึ่งเป้าหมายด้านการท่องเที่ยวที่น่ามาเยี่ยมมากแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนาม เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความเด่นทางธรรมชาติแล้วก็ทางธรรีวิทยา ที่มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง (หรือประมาณ 400 ล้านปี) นั่นก็เลยทำให้อุทยานแห่งนี้มีตำแหน่งที่ตั้งแบบหินปูนที่โบราณที่สุดในเอเซีย อุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่าง ตั้งอยู่ในอำเภอโบ๊จะ (Bo Trach) และอำเภอไม่ญหวา (Minh Hoa) ในเขตจังหวัดกว๋างบิ่ญ (Quang Binh) แล้วก็ติดชายแดนประเทศลาว ห่างจากกรุงฮานอยมาด้านใต้โดยประมาณ 500 กิโล ภายในเขตอุทยานมีกลุ่มหินปูนมีขนาดพื้นที่ 857.54 ตารางกิโลเมตร อุทยานนี้มีชื่อในความสวยสดงดงามของถ้ำที่มีอยู่เยอะมากๆ และก็ยังเป็นสถานที่ 1 ใน 2 ของโลกที่เป็นหินปูนที่มีลำธารใต้ดินขนาดใหญ่

3.ท่องเที่ยวอ่าวฮาทดลอง (Ha Long Bay)
ฮาลองเบย์ หรือ อ่าวฮาลอง คือสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกที่ในประเทศเวียดนามที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วทั้งโลก ซึ่งนักท่องเที่ยวทุกคนไม่ควรพลาดชม โดยตรงนี้ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์กรยูเนสโกเพราะมีความงดงามของธรรมชาติมากมาย

ฮาลองเบย์ เป็นอ่าวแห่งหนึ่งในพื้นที่ของอ่าวตังเกี๋ย เมืองฮาทดลองตั้งอยู่ทางทางเหนือของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม อยู่ในพื้นที่จังหวัดกว่างนิงห์ ไม่ไกลจากกรุงฮานอยเมืองหลวง โดยห่างออกไปทางทิศตะวันออกราว 170 กม. รวมทั้งอยู่ใกล้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ฮาทดลองเบย์ มีพื้นที่ทั้งหมด 1,500 ตารางกิโลเมตร มีริมฝั่งยาว 120 กิโล มีเกาะหินปูนปริมาณ 1,969 เกาะโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวทะเล บนยอดของแต่ละเกาะมีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น หลายเกาะมีถ้ำขนาดใหญ่ที่มีความสวยงามซุกซ่อนอยู่

สำหรับประวัติความเป็นมา ฮาทดลองเบย์ มีชื่อตามการออกเสียงในภาษาเวียดนามว่า Vinh Ha Long หมายถึง อ่าวมังกรผู้ดำดิ่ง ตามตำนานประชาชนเวียดนามบอกกล่าวกันว่า ในอดีตกาลที่ชาวเวียดนามกำลังรบกับจีน เทพเทวดาได้ส่งกองทัพมังกรลงมาช่วยเหลือ ซึ่งต่อมามังกรเหล่านี้ได้ดำดิ่งลงสู่ท้องทะเลบริเวณอ่าวฮาลอง ทำให้มีเพชรนิลจินดาและหยกพุ่งกระเด็นออกมาแปลงเป็นเกาะแก่งน้อยใหญ่กระจายตัวเป็นเกราะคุ้มครองผู้บุกรุก และบางตำนานเอ๋ยถึงสัตว์โบราณที่ชื่อว่า Tarasque ซึ่งเชื่อว่าอาศัยอยู่ที่รอบๆตูดอ่าว

4.ท่องเที่ยวเมืองซาปา ทุ่งนาข้าวบนเขา (Sa Pa)
ซาปา เป็นเมืองที่มีสถานที่สำหรับท่องเที่ยวมากมายเป็นจำนวนมากที่มีเสน่ห์มากที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศเวียดนาม ด้วยทำเลที่ตั้งอันสวยงามที่รุมล้อมไปด้วยภูเขาจนได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลังคาโลกอินโดจีน ส่วนอากาศหนาวเย็นแทบทั้งปีทำให้ตอนเช้าของที่นี่มีไอหมอกปกคลุมสวยงาม ในแต่ละปี ซาขว้าง ก็เลยล่อใจนักเดินทางจากทั้งโลกให้แวะเวียนมาท่องเที่ยวได้จำนวนไม่ใช่น้อย

ในส่วนของประวัติความเป็นมา ซาปา เป็นเมืองเล็กๆที่นักเดินทางต่างชาติเริ่มเดินทางมาพักตั้งแต่สมัยที่ประเทศฝรั่งเศสยังดูแลประเทศเวียดนาม โดยคนยุโรปติดอกติดใจตรงนี้เนื่องจากอากาศดีและเงียบสงบ ถัดมาซาขว้างจึงมีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้นจนกระทั่งมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมหลายหมื่นคนต่อปี


5.ท่องเที่ยวหมุยแหน เทือกเขาทรายสองสี (The Sand Dunes of Mui Ne)
นักเดินทางที่เดินทางมายังที่ที่นี้รับประกันได้เลยว่าจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับทะเลทรายเพราะภูเขาทรายที่หมุยแหนหรือที่หลายคนคุ้นเคยกับสำเนียง "มุยเน่" นั้น มีขนาดใหญ่และก็อยู่ติดกับชายฝั่งทะเล จึงมีแดดและลมที่แรงมากมายทีเดียว ที่นี่มีเนินทรายอยู่ 2 ที่หมายถึงเทือกเขาทรายขาวแล้วก็ภูเขาทรายแดง ซึ่งเทือกเขาทรายขาวนั้นมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Bau Trang รวมทั้งมีห้องอาหารขนาดเล็กเปิดบริการสำหรับนักเดินทางด้วยสำหรับเทือกเขาทรายแดงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แม้กระนั้นเป็นที่นิยมมากยิ่งกว่าในสายตาของช่างถ่ายรูป เพราะเหตุว่าสีทรายมีสีแดงเข้ม ถ่ายรูปออกมาแล้วสีสวยกว่าที่เทือกเขาทรายขาว ส่วนกิจกรรมยอดฮิต คือ การเล่นกระดานเลื่อนบนเนินทรายสูงลงมาด้านล่างซึ่งอุปกรณ์สำหรับเล่นนั้นสามารถหาเช่าได้จากร้านค้าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆภูเขาทราย

รายละเอียดอื่นๆ : เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แม้กระนั้นตอนที่ดีเยี่ยมที่สุดสำหรับในการมาท่องเที่ยวคือ ตอนเวลาเช้าหรือไม่ก็เวลาเย็น เพราะว่าตอนกลางวันถึงเวลาบ่ายนั้นอากาศและก็แดดจัดมากมาย
เป็นยังไงบ้างคะ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆโดนๆในประเทศเวียดนาม มีอีกทั้งสถานที่สำหรับท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ กล่าวได้ว่ามาเวียดนามทั้งทีได้ตรวจตราท่องเที่ยวอย่างครบรสแน่ๆ ส่วนระยะทางก็ใกล้นิดเดียว รวมถึงค่าครองชีพก็ไม่แพงอีกด้วยจ้ะ

ภูเขาทรายสองสีที่หมุยแหน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังที่แห่งนี้รับรองได้เลยว่าจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับทะเลทราย เพราะภูเขาทรายที่หมุยแหนหรือที่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยรู้จักกับสำเนียง "มุยเน่" นั้น มีขนาดใหญ่รวมทั้งอยู่ติดกับริมทะเล จึงมีแดดรวมทั้งลมที่แรงมากทีเดียว ตรงนี้มีเนินทรายอยู่ 2 แห่ง คือ เทือกเขาทรายขาวและภูเขาทรายแดง ซึ่งภูเขาทรายขาวนั้นมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Bau Trang รวมทั้งมีห้องอาหารขนาดเล็กเปิดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย สำหรับภูเขาทรายแดงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ว่าได้รับความนิยมมากกว่าในสายตาของช่างถ่ายรูป เนื่องด้วยสีทรายมีสีแดงเข้ม ถ่ายรูปออกมาแล้วสีสวยกว่าที่ภูเขาทรายขาว ส่วนกิจกรรมยอดฮิตเป็นการเล่นกระดานเลื่อนบนเนินทรายสูงลงมาด้านล่าง ซึ่งเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับเล่นนั้นสามารถหาเช่าได้จากร้านที่ตั้งอยู่ใกล้ๆเทือกเขาทราย

ข้อมูลอื่นๆ : เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่ขณะที่ยอดเยี่ยมสำหรับการมาเที่ยวเป็นตอนเวลาเช้าหรือไม่ก็ช่วงเวลาเย็นเนื่องจากว่าช่วงเวลากลางวันถึงเวลาบ่ายนั้นอากาศและแดดแรงมากมาย
เป็นไงบ้างขา สำหรับสถานที่เที่ยวเด็ดๆโดนๆในประเทศเวียดนาม มีอีกทั้งสถานที่สำหรับท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ พูดได้ว่ามาเวียดนามทั้งทีได้สำรวจท่องเที่ยวอย่างครบรสแน่ๆ ส่วนระยะทางก็ใกล้นิดเดียว รวมถึงค่าครองชีพก็ไม่แพงอีกด้วย

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ทัวร์เวียดนาม

5 ยอดเยี่ยมสถานที่เที่ยวในเวียดนามที่คุณจำเป็นต้องไป อัพเดท 2018

เมื่อกล่าวถึงเวียดนามใครๆก็ชอบรำลึกถึง โฮจิมินห์ เมืองหลวงทางตอนใต้ แต่ทราบไหมมีสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆน่าดึงดูดอีกเยอะมากในเวียดนามที่เดี๋ยวนี้กำลังเป็นกระแสอย่างยิ่งๆที่คุณไปเวียดนามจะต้องไม่พลาด พวกเรามาอัพเดทกันวันท่องเที่ยวเวียดนามทั้งทีจะต้องสุดๆ5 สถานที่ไหนกันบ้าง เริ่มกันเลย

1. ท่องเที่ยวบาน่าฮิลล์ ดานัง (Bana Hill, Danang)
บานาฮิลล์ เป็น โฮเต็ล บนยอดดอย อยู่ห่างจากตัวเมืองดานังราวๆ 40 กิโล ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 40-50 นาที ส่วนประวัติความเป็นมา ภูเขาบานา เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวตากอากาศมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยด้านบนเป็นบ้านพักและโฮเต็ลของชาวฝรั่งเศสสมัยเป็นเจ้าอาณานิคมตั้งแต่ปี 1919 หลังการศึกชาวประเทศฝรั่งเศสแพ้กลับประเทศไป บานาฮิลล์ถูกทิ้งร้างอยู่นับเป็นเวลาหลายปี จนกระทั่งถูกกลับมาซ่อมแซมเป็นเมืองที่มีสถานที่สำหรับท่องเที่ยวมากมายเป็นจำนวนมากอีกทีในปี 2009 ซึ่งมีการสร้างกระเช้าลอยฟ้า 5,801 เมตร ที่ใช้เวลาถึง 50 นาทีสำหรับเพื่อการนั่งกระเช้าจากด้านล่างขึ้นไปข้างบน รายจ่ายสำหรับการก่อสร้างเคเบิลคาร์ขั้นแรกมีมูลค่า 17.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และก็ช่วงที่สร้างต่อเพิ่มไปถึงยอดดอย มีมูลค่า 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ทั้งนี้ บานาฮิลล์ ถูกสร้างขึ้นตามมาตรฐานยุโรปโดยบริษัทที่เป็นที่รู้จักจากออสเตรเลีย เครื่องไม้เครื่องมือและเครื่องจักรนำเข้าจากยุโรป ตลอดทางประกอบไปด้วยเสา 24 ต้น มีทั้งหมดทั้งปวง 94 เคบิน ตะกร้ามีอีกทั้งแบบเปิดโล่งโอเพ่นแอร์กับแบบห้องกระจก แต่ละเคบินบรรทุกผู้โดยสารได้ 10 คน ด้านในหนึ่งชั่วโมงสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 1,500 คน

2.ท่องเที่ยวถ้ำฟองญา (Phong Nha Caves)
เวียดนาม เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เที่ยวที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์ หรือแม้กระทั่งสถานที่สำหรับท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีความสวยสดงดงามและก็น่ามาเยือนมากแห่งหนึ่งของโลก และก็วันนี้พวกเราจะขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงดงาม และก็ความตรึงใจ

โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อของอุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่าง คือ ถ้ำฟองญา (Phong Nha Cave) เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำซอน (Son River) ที่สะสมน้ำจากใต้ดินไหลรวมกันมาจากด้านในถ้ำ รวมทั้งได้รับการยอมรับจาก นักสำรวจถ้ำทั้งโลกว่า เป็นถ้ำอันดับที่หนึ่งของโลก เพราะเป็นเจ้าของสถิติถึง 4 รายการอาทิเช่น น้ำลอดยาวที่สุดในโลก, โถงถ้ำมากที่สุด ยาวที่สุด แล้วก็กว้างที่สุด

"อุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่าง" (Phong Nha-Ke Bang National Park) เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายด้านการท่องเที่ยวที่น่ามาเยี่ยมมากมายแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนาม เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความโดดเด่นทางธรรมชาติรวมทั้งทางธรรีวิทยา ที่มีพัฒนาการมาตั้งแต่สมัยน้ำแข็ง (หรือราว 400 ล้านปี) โน่นก็เลยส่งผลให้สวนแห่งนี้มีตำแหน่งที่ตั้งแบบหินปูนที่โบราณที่สุดในเอเซีย อุทยานแห่งชาติฟองญา-แก๋บ่าง ตั้งอยู่ในอำเภอโบ๊จัก (Bo Trach) แล้วก็อำเภอมิญหวา (Minh Hoa) ในเขตจังหวัดกว๋างบิ่ญ (Quang Binh) และติดชายแดนประเทศลาว ห่างจากกรุงฮานอยมาทางใต้ราว 500 กิโล ภายในเขตอุทยานมีกลุ่มหินปูนมีขนาดพื้นที่ 857.54 ตารางกิโลเมตร อุทยานนี้เป็นที่รู้จักในความสวยสดงดงามของถ้ำที่มีอยู่จำนวนไม่ใช่น้อย และยังเป็นสถานที่ 1 ใน 2 ของโลกที่เป็นหินปูนที่มีสายธารใต้ดินขนาดใหญ่

3.เที่ยวอ่าวฮาลอง (Ha Long Bay)
ฮาทดลองเบย์ หรือ อ่าวฮาทดลอง คือสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกที่ในประเทศเวียดนามที่เกียรติศักดิ์เลื่องลือไปทั่วทั้งโลก ซึ่งนักเดินทางทุกคนไม่ควรพลาดชม โดยตรงนี้ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากหน่วยงานยูเนสโกเพราะมีความสวยของธรรมชาติมากมายก่ายกอง

ฮาทดลองเบย์ เป็นอ่าวแห่งหนึ่งในพื้นที่ของอ่าวตังเกี๋ย เมืองฮาทดลองตั้งอยู่ทางทางเหนือของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม อยู่ในพื้นที่จังหวัดกว่างนิงห์ ไม่ไกลจากกรุงฮานอยเมืองหลวง โดยห่างออกไปทางทิศตะวันออกประมาณ 170 กิโลเมตร และอยู่ใกล้กับประเทศจีน ฮาทดลองเบย์ มีพื้นที่ทั้งปวง 1,500 ตารางกิโลเมตร มีริมฝั่งยาว 120 กม. มีเกาะหินปูนจำนวน 1,969 เกาะโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวทะเล บนยอดของแต่ละเกาะมีต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น หลายเกาะมีถ้ำขนาดใหญ่ที่มีความงามซุกซ่อนอยู่

สำหรับประวัติความเป็นมา ฮาลองเบย์ มีชื่อตามการออกเสียงในภาษาเวียดนามว่า Vinh Ha Long คือ อ่าวมังกรผู้ดำดิ่ง ตามตำนานประชาชนเวียดนามบอกเล่ากันว่า ในสมัยก่อนที่ชาวเวียดนามกำลังทำศึกกับจีน เทพเจ้าได้ส่งกองทัพมังกรลงมาช่วยเหลือ ซึ่งถัดมามังกรเหล่านี้ได้ดำดิ่งลงสู่ท้องทะเลรอบๆอ่าวฮาลอง ทำให้มีอัญมณีแล้วก็หชูพุ่งกระเด็นออกมาแปลงเป็นเกาะแก่งน้อยใหญ่กระจายตัวเป็นเกราะคุ้มครองผู้บุกรุก และบางตำนานเอ่ยถึงสัตว์โบราณที่ชื่อว่า Tarasque ซึ่งมั่นใจว่าอาศัยอยู่ที่บริเวณก้นอ่าว

4.ท่องเที่ยวเมืองซาปา ท้องนาข้าวบนเขา (Sa Pa)
ซาขว้าง คือเมืองที่มีสถานที่สำหรับท่องเที่ยวมากมายเป็นจำนวนมากที่มีเสน่ห์มากที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศเวียดนาม ด้วยพื้นที่อันงามที่กลุ้มรุมไปด้วยขุนเขาจนได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลังคาโลกอินโดจีน ส่วนอากาศหนาวเย็นเกือบจะตลอดปีทำให้ยามเช้าของตรงนี้มีไอหมอกปกคลุมงดงาม ในแต่ละปี ซาปา ก็เลยเย้ายวนใจนักเดินทางจากทั่วโลกให้แวะเวียนมาเที่ยวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

ในส่วนของประวัติความเป็นมา ซาขว้าง คือเมืองเล็กๆที่นักเดินทางต่างชาติเริ่มเดินทางมาพักตั้งแต่ยุคที่ประเทศฝรั่งเศสยังดูแลประเทศเวียดนาม โดยชาวยุโรปติดอกติดใจที่นี่เพราะเหตุว่าอากาศดีและสงบเงียบ ถัดมาซาขว้างก็เลยมีชื่อและก็เป็นที่นิยมจากนักเดินทางเยอะขึ้นจนถึงมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมหลายหมื่นคนต่อปี


5.เที่ยวหมุยแหน ภูเขาทรายสองสี (The Sand Dunes of Mui Ne)
นักเดินทางที่เดินทางมายังที่แห่งนี้ยืนยันได้เลยว่าจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับทะเลทรายเพราะภูเขาทรายที่หมุยแหนหรือที่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยเคยชินกับสำเนียง "มุยเน่" นั้น มีขนาดใหญ่รวมทั้งอยู่ใกล้กับริมทะเล จึงมีแดดและก็ลมที่แรงมากมายทีเดียว ที่นี่มีเนินทรายอยู่ 2 ที่หมายถึงภูเขาทรายขาวรวมทั้งภูเขาทรายแดง ซึ่งภูเขาทรายขาวนั้นมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Bau Trang แล้วก็มีร้านอาหารขนาดเล็กเปิดบริการสำหรับนักท่องเที่ยวด้วยสำหรับเทือกเขาทรายแดงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ได้รับความนิยมมากยิ่งกว่าในสายตาของตากล้อง เนื่องด้วยสีทรายมีสีแดงเข้ม ถ่ายรูปออกมาแล้วสีสวยกว่าที่ภูเขาทรายขาว ส่วนกิจกรรมยอดฮิตหมายถึงการเล่นบอร์ดเลื่อนบนเนินทรายสูงลงมาข้างล่างซึ่งเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับเล่นนั้นสามารถหาเช่าได้จากร้านค้าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆภูเขาทราย

รายละเอียดเพิ่มเติม : เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมสำหรับในการมาท่องเที่ยวคือ ตอนเช้าหรือไม่ก็ช่วงเวลาเย็น ด้วยเหตุว่าตอนกลางวันถึงเวลาบ่ายนั้นอากาศและแดดแรงมาก
เป็นอย่างไรกันบ้างขา สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆโดนๆในประเทศเวียดนาม มีทั้งยังแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและก็ประวัติศาสตร์ พูดได้ว่ามาเวียดนามทั้งทีได้ตระเวนท่องเที่ยวอย่างครบรสแน่นอน ส่วนระยะทางก็ใกล้นิดเดียว รวมทั้งค่าครองชีพก็ไม่แพงอีกด้วยจ้ะ

เทือกเขาทรายสองสีที่หมุยแหน นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังที่ที่นี้ยืนยันได้เลยว่าจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศที่ใกล้เคียงกับทะเลทราย เพราะเหตุว่าภูเขาทรายที่หมุยแหนหรือที่คนจำนวนไม่น้อยคุ้นเคยกับสำเนียง "มุยเน่" นั้น มีขนาดใหญ่และก็อยู่ชิดกับชายหาด จึงมีแดดและก็ลมที่แรงมากมายทีเดียว ตรงนี้มีเนินทรายอยู่ 2 ที่เป็นภูเขาทรายขาวและก็ภูเขาทรายแดง ซึ่งภูเขาทรายขาวนั้นมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Bau Trang และก็มีร้านอาหารขนาดเล็กเปิดบริการสำหรับนักเดินทางด้วย สำหรับเทือกเขาทรายแดงแม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่า แม้กระนั้นเป็นที่ชื่นชอบมากกว่าในสายตาของคนถ่ายภาพ เนื่องจากว่าสีทรายมีสีแดงเข้ม ถ่ายรูปออกมาแล้วสีสวยกว่าที่ภูเขาทรายขาว ส่วนกิจกรรมยอดฮิตเป็นการเล่นบอร์ดเลื่อนบนเนินทรายสูงลงมาด้านล่าง ซึ่งเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับเล่นนั้นสามารถหาเช่าได้จากร้านค้าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆเทือกเขาทราย

รายละเอียดเพิ่มเติม : เปิดให้บริการตลอดทั้งปี แต่ว่าตอนที่เยี่ยมที่สุดสำหรับเพื่อการมาท่องเที่ยวเป็นตอนเช้าหรือไม่ก็ช่วงเย็นเนื่องจากตอนกลางวันถึงตอนบ่ายนั้นอากาศและแดดแรงมาก
เป็นอย่างไรกันบ้างขา สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆโดนๆในประเทศเวียดนาม มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและก็ประวัติศาสตร์ กล่าวได้ว่ามาเวียดนามทั้งทีได้เดินทางท่องเที่ยวอย่างครบรสแน่ๆ ส่วนระยะทางก็ใกล้นิดเดียว รวมทั้งค่าครองชีพก็ไม่แพงอีกด้วย

คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ทัวร์เวียดนาม